20 มีนาคม 2562
คุณพชรพณธ์ ภาคภพ
“เมื่อมองย้อนกลับไปในฐานะคนทำธุรกิจ พี่น้องขนส่ง และ สหออยล์ ทรานสปอร์ต เป็นธุรกิจที่เกิดจากความรักสมัครสมานสามัคคีของ พี่น้อง พวกเราเริ่มต้นแบบติดลบเพราะกิจการที่รุ่นพ่อแม่ลงทุนไป ไม่ประสบความสำเร็จ พี่น้องผู้ชายจึงต้องไปขุดทองหารายได้ที่ ตะวันออกกลาง และด้วย “ความขยันขันแข็ง” และยึดมั่นคำสอนของ พ่อ-แม่ ที่ว่า “ต้องซื่อสัตย์” พอได้เงินกลับมาก็ใช้หนี้จนหมด แล้วมา ร่วมกันทำธุรกิจใหม่ ด้วยการรับจ้างบรรทุกดิน ยางมะตอย และต่อยอด ไปสู่บริษัทขนส่งน้ำมันในปัจจุบัน”
เริ่มต้นจากพี่น้องร่วมกันทำธุรกิจขนส่งด้วยรถบรรทุก 3 คัน ช่วงนั้นกระแสธุรกิจการขนส่งดินดี เพราะมีการก่อสร้างนิคมเวลโกรว์ เราเลยเริ่มทำธุรกิจรถขนส่งดิน ต่อมากิจการขนส่งดินเริ่มมีปัญหา จึงต้องหาลู่ทางใหม่ ซึ่งเราได้โอกาสในการทำธุรกิจขนส่งน้ำมันเตา และขนส่งยางมะตอย ธุรกิจก็ดำเนินมาด้วยดี จนถึงปี 2538 ผมจึง ได้ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี่น้องขนส่ง ซึ่งตอนนั้นก็มีรถเพิ่มขึ้นรวม 10-15 คัน
ในปี พ.ศ. 2540 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากเดิมที่ขนส่งยางมะตอย เป็นหลัก พอเงินบาทลอยตัวจากที่เคยได้วิ่งเต็มกำลังก็ลดลง ภาระที่เพิ่งผ่อนรถใหม่ได้เพียง 1-2 ปี เมื่อไม่มีงาน พี่น้องก็ช่วยกัน โดยมีคุณประชุม (กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเบลโก้ จำกัด) พี่ชาย ที่เป็นกำลังหลัก ต่อมาจึงเปลี่ยนมาขนส่งสินค้ากลุ่มพลังงาน ซึ่งได้ลูกค้า เป็นบริษัทน้ำมันหลายบริษัท ทั้งน้ำมันปิโตรเลียม, น้ำมันปาล์ม และกลุ่ม น้ำมันพืช (Food Grade)
ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2545 เป็นจุดที่บริษัทต้องขยายตลาดไปประเทศ เพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา จึงได้ก่อตั้งเป็น บริษัท สหออยล์ ทรานสปอร์ต จำกัด และเริ่มงานส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเมื่อนับจำนวน รถบรรทุกที่ในปัจจุบันนั้นมีมากถึง 180 คัน ในจำนวนนั้นเป็นรถอีซูซุ เกือบ 100% เลยทีเดียว
เรามองว่าทำธุรกิจขนส่งมันต้องหลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง จึงเริ่มไปทำธุรกิจขนส่งวัสดุเคมีมากขึ้น เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจขนส่ง คือ การเลือกใช้รถ… “อีซูซุ” เป็นแบรนด์เราเลือกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ด้วยเหตุผลของความคุ้มค่าด้านราคา อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก นอกจากนั้นด้วยสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใคร อะไหล่หาง่าย ราคาที่สมเหตุสมผล ส่วนเรื่องบริการหลังการขาย อันนี้ต้องยกนิ้วให้ว่าเหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ และประการสุดท้ายรถบรรทุกอีซูซุขายต่อได้ราคาดี ซึ่งทำให้เราบริหารต้นทุนได้ดีและช่วยเสริมธุรกิจเราให้มีความเข้มแข็ง
เรามีการสร้างมาตรฐานการดำเนินงานรวม 5 ด้าน ประกอบด้วย องค์กร ระบบจัดการขนส่ง มาตรฐานพนักงาน ความพร้อมของ รถบรรทุกที่เลือกใช้ และการดูแลลูกค้า รวมถึงสิ่งแวดล้อมภายนอก องค์กรให้พร้อมอยู่เสมอ เรามีความชำนาญในการขนส่ง การจัดระบบ งานที่ชัดเจน การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง การซ้อมแผนฉุกเฉิน และทีมกู้เหตุฉุกเฉิน การอบรมพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราได้รับการ จัดตั้งเป็น ศูนย์อบรมผู้ปฏิบัติงานถังขนส่งน้ำมัน ในนามกรมธุรกิจพลังงาน เราดำเนินงานโดยมีนโยบายคุณภาพคือ
พัฒนาระบบการบริหารงาน บุคลากรและการบริการด้านขนส่งให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อตอบสนอง ความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
จากความซื่อสัตย์บวกกับความจริงใจที่เรามีต่อลูกค้ากลายเป็น จุดแข็งที่ผู้ใช้บริการต่างไว้วางใจ… “หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ยังคงเป็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เรามีการพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะการทำธุรกิจขนส่ง เราต้องฝากความเชื่อมั่น ไว้ตั้งแต่คนขับรถ มีการดูแลใส่ใจ ให้เขาช่วยพัฒนาองค์กรไปพร้อม กับเรา เพราะพนักงานขับรถเป็นผู้ที่ไปสัมผัสลูกค้าเป็นด่านแรก ต้องมีมารยาทในการขับรถ มีความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความประทับใจ และสำคัญคือพนักงานต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือสินค้า ปริมาณสินค้าต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ปลอดภัย นี่คือจุดแข็ง ตอนนี้เรามีพนักงานกว่า 200 คน ทั้งที่สาขาสุราษฎร์ธานี, สระบุรี, พระประแดง (สมุทรปราการ) และที่แหลมฉบัง ทุกคนก็เหมือนครอบครัว เดียวกัน เวลาเขามีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็เข้าไปใส่ใจดูแล นอกจากนี้เรายังมีการอบรม เสริมทักษะที่จำเป็นด้านต่างๆ เพื่อพัฒนา งานบริการของเราให้ได้มาตรฐานสูงอยู่เสมอ บริษัทได้รับการรับรอง มาตรฐาน ISO 9001: 2015 และมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วย รถบรรทุก (Q-Mark) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ในการสร้างความพึงพอใจ ให้กับลูกค้าด้วย
และสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจขนส่ง คือ การเลือกใช้รถ … “อีซูซุ” เป็นแบรนด์เราเลือกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ด้วยเหตุผลของความ คุ้มค่าด้านราคา อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก นอกจากนั้นด้วยสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใคร อะไหล่หาง่าย ราคาที่สมเหตุ สมผล ส่วนเรื่องบริการหลังการขายอันนี้ต้องยกนิ้วให้ว่าเหนือกว่า แบรนด์อื่นๆ และประการสุดท้ายรถบรรทุกอีซูซุขายต่อได้ราคาดี ซึ่งทำให้ เราบริหารต้นทุนได้ดีและช่วยเสริมธุรกิจเราให้มีความเข้มแข็ง”
สุดท้ายในฐานะของนายกสมาคมขนส่งภาคตะวันออก ขอฝากถึง พี่น้องร่วมวงการไว้ว่า
การทำธุรกิจทางด้านการขนส่งจำเป็นจะต้อง พัฒนาเรื่อง บุคลากร การดูแลเอาใจใส่พนักงานอย่างสม่ำเสมอ ควรมี การอบรมเพิ่มทักษะ เพื่อให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ บริษัทเกิดความยั่งยืน และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความซื่อสัตย์และความจริงใจ ให้กับลูกค้าเหล่านี้จะเป็นแรงช่วยผลักดันให้ธุรกิจของท่านมีความมั่นคง ซึ่งจะสามารถช่วยพัฒนาวงการโลจิสติกส์ไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด