คุณกิตติชัย ธรรมศิริพงษ์

ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ในเส้นทางธุรกิจของ “คุณกิตติชัย ธรรมศิริพงษ์” นายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พงษ์ศิริ โลจิสติกส์ จำกัด นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มสินค้าชั้นนำของไทย

จากผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง คุณกิตติชัยได้ผันตัวเองเข้าทำธุรกิจด้าน ฟอร์เวิร์ดดิ้ง หรือตัวแทนในการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ในชื่อ หจก. หาดใหญ่ฟอร์เวิร์ดดิ้ง มีหน้าที่วางแผน การขนส่งสินค้าทางรถไฟให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก ภายหลังธุรกิจด้าน ฟอร์เวิร์ดดิ้งเริ่มมีการแข่งขันสูง จึงตัดสินใจขยายการให้บริการด้านการ รับขนส่งสินค้าจำพวกยางพารา สินค้าอุปโภคและบริโภคทางรถบรรทุก ผ่านแดนที่สามารถสร้างผลกำไรได้มากกว่า

ปี พ.ศ. 2540 ถือเป็น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อมีลูกค้ามากขึ้น เราก็ปรับเป็นรูปแบบบริษัท ใช้ชื่อว่า บริษัท หาดใหญ่พงษ์ศิริ ฟอร์เวิดดิ้ง จำกัด เพื่อสร้างความ น่าเชื่อถือ จึงจำเป็นต้องซื้อรถบรรทุกเพิ่มขึ้น โดยได้ผู้จำหน่ายอีซูซุ มาช่วยสนับสนุนการเริ่มธุรกิจอย่างจริงจัง จากแต่ก่อนผมเคยซื้อ รถบรรทุกอีซูซุมาลองทำธุรกิจร่วมกันเพื่อนๆ อยู่บ้าง ก็หันมาทำเอง เต็มตัว ดังนั้นเมื่อต้องซื้อรถเพิ่มเพื่อรองรับธุรกิจ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ในการ ตัดสินใจ เพราะตอนนั้นรถบรรทุกก็มีไม่กี่แบรนด์ที่คนนิยมกัน ยิ่งถ้าเป็น ภาคใต้ตอนล่างแบรนด์อีซูซุยิ่งได้เปรียบ เรื่องคุณภาพรถ และศูนย์บริการ ไม่เป็นรองใคร และที่สำคัญเลยคือ มีผู้จำหน่ายดีเป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็น อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกใช้รถอีซูซุ

บริษัทผมใช้รถบรรทุกอีซูซุก็หายห่วง เพราะประหยัดน้ำมัน ทำให้ลดต้นทุนในธุรกิจได้ ทุกวันนี้ใช้รถบรรทุกอีซูซุมากกว่า 50 คัน ไม่มีผิดหวัง

เพราะความสำเร็จนั้นไม่ได้มาง่ายๆ ต้องอาศัยความทุ่มเทและตั้งใจ เพื่อให้สินค้าของลูกค้าถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

การขนส่งสินค้า บางประเภท เราต้องพร้อมที่จะศึกษางาน เช่น พวกสารเคมีภัณฑ์ แก๊ส และวัตถุอันตราย และมีความเสี่ยงสูง เพราะระยะทางขนส่งค่อนข้างไกล เราก็จะทำการศึกษาพื้นที่กับลูกค้า กำหนดแผนเส้นทางร่วมกัน รวมถึง ความปลอดภัยในการขนส่งอื่นๆ ทำให้ลูกค้าวางใจและเลือกใช้เรา ตอนนี้ เราดูแลขนส่งสินค้านำเข้า-ส่งออกระหว่างไทย-มาเลเซีย เป็นส่วนใหญ่ เพราะใช้รถขนส่ง ซึ่งระยะทางวิ่งน้อยกว่า สินค้าขาเข้าส่วนใหญ่จะเป็น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์”

ทำธุรกิจต้องคิดต่าง ถ้ายังทำแต่แบบเดิมผมจะไปแข่งขันกับใครได้... การจะให้ธุรกิจก้าวหน้าและยั่งยืนในระยะยาว เราต้องกล้าเปลี่ยน ทั้งวิธีคิดและพร้อมลงมือทำ อย่างเรื่องการลงทุนทำตู้คอนเทนเนอร์ ให้ลูกค้า ผมก็ทำเป็นเจ้าแรกๆ ของภาคใต้เลย เพราะสมัยก่อนต้องใช้ แรงงานคนเป็นคนขนถ่ายสินค้า รับของมาก็จัดวางซ้อนกันเอาผ้าใบคลุม ภาพที่ออกมาจึงดูไม่ดี สินค้าก็แตกหักเสียหายด้วย ผมเลยเสนอลูกค้าว่า ถ้าต้องการพัฒนาคุณภาพการจัดเก็บให้เอาระบบโหลดสินค้าเข้า ตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาใช้ ทำให้สินค้าของลูกค้าดูเป็นระเบียบ ปลอดภัย มากขึ้น ลดความเสียหายและการขนถ่ายสินค้าหลายต่อ ตอนที่ผม ลงมือทำใหม่ๆ คนในวงการก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะลงทุนเยอะ เราก็ ตอบแบบสนุกๆ ไปว่าถ้าผมทำแบบเดิม ผมก็ไม่สามารถแข่งกับคนอื่นได้สิ อีกอย่างผมลงมาลุยกับลูกน้อง ไปศึกษาที่ท่าเรือ ดูเวลาขนย้ายตู้สินค้า ด้วยตัวเอง ว่าจะต้องวางระบบแบบไหนเพื่อให้สามารถขนส่งได้จริงแล้วเวลา วิ่งงาน บริษัทผมใช้รถบรรทุกอีซูซุก็หายห่วง เพราะประหยัดน้ำมัน ทำให้ ลดต้นทุนในธุรกิจได้ ทุกวันนี้ใช้รถบรรทุกอีซูซุมากกว่า 50 คัน ไม่มีผิดหวัง

สำหรับธุรกิจของผม ที่ผ่านมาทำตลาดในไทยและมาเลเซีย อนาคต ก็ต้องขยับไปภูมิภาคอื่นด้วย ขยายตลาดการขนส่งมากขึ้น เหมือนอย่าง ที่ผมรีแบรนด์ดิ้ง (Rebranding) ครั้งล่าสุดเป็น “บริษัท พงศ์ศิริ โลจิสติกส์ จำกัด” ก็เพื่อตัดกรอบทางธุรกิจ ไม่ให้ชื่อของเรารู้จักอยู่แค่ ในหาดใหญ่ แต่ยังรับงานในเส้นทางอื่นๆ ได้อีก รวมทั้งในช่วงที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้ ก็ใช้ ประสบการณ์ที่สะสมมามาช่วยพัฒนาระบบขนส่งในภูมิภาค เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ผมภาคภูมิใจ แถมยังได้อีซูซุเข้ามาช่วยสนับสนุนงานของสมาคมฯ อีก ยิ่งทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ภาคใต้นั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก สมเป็นคู่คิดมืออาชีพ ตามที่เจ้าของกิจการขนส่งทั่วไทยนิยมเรียกกันจริงๆ